คำว่า ร้อยกรอง
ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Poetry บางครั้งก็เรียก บทกวี บท
ประพันธ์ หรือ กวีนิพนธ์ คำว่าร้อยกรอง เป็นคำที่สำนักวัฒนธรรมทางวรรณกรรม กำหนดขึ้นใช้เรียกวรรณกรรมที่มีลักษณะบังคับในการแต่งเพื่อให้เข้าคู่กับคำว่า
" ร้อยแก้ว
" ซึ่งเดิมบทประพันธ์ประเภทนี้
เรียกกันหลายอย่างเช่น กลอน กาพย์ ร่าย ฉันท์
มีถ้อยคำมาประกอบประพันธ์กันมีขนาดมาตราเสียงสูงต่ำ
หนักเบาและสั้นยาวตามรูปแบบที่กำหนดไว้
คำว่าร้อยกรอง เราสามารถแยกศัพท์ได้เป็น ๒ คำคือคำว่า " ร้อย " กับคำว่า
คำว่าร้อยกรอง เราสามารถแยกศัพท์ได้เป็น ๒ คำคือคำว่า " ร้อย " กับคำว่า
" กรอง " ร้อยเป็นคำกริยา หมายถึงการเรียงร้อย
หรือการเรียบเรียงถ้อยคำหรืออาจจะเป็นดอกไม้ก็ได้ เช่น ร้อยดอกไม้คำว่ากรองเป็นคำกริยา หมายถึงการเรียงร้อยกรองเมื่อรวมกัน หมายถึง การกลั่นกรองหรือเรียบเรียงถ้อยคำเช่นเดียวกับที่เรานำดอกไม้มาร้อยเป็นพวงมาลัย
จะมีความงดงามแล้วก็อ่อนหวานไพเราะไม่ใช่ว่าเพียงแต่เอาถ้อยคำมาเรียงต่อกันเท่านั้น มีคำที่น่าสังเกต คือคำว่า กวีนิพนธ์นักวิชาการบางท่าน ให้ความหมายแตกต่างไป จากร้อยกรอง คือ ร้อยกรองอาจจะเป็นคำประพันธ์ที่นำมาเรียงร้อยให้มีสัมผัสเท่านั้นแต่ว่า กวีนิพนธ์
จะมีความงดงามแล้วก็อ่อนหวานไพเราะไม่ใช่ว่าเพียงแต่เอาถ้อยคำมาเรียงต่อกันเท่านั้น มีคำที่น่าสังเกต คือคำว่า กวีนิพนธ์นักวิชาการบางท่าน ให้ความหมายแตกต่างไป จากร้อยกรอง คือ ร้อยกรองอาจจะเป็นคำประพันธ์ที่นำมาเรียงร้อยให้มีสัมผัสเท่านั้นแต่ว่า กวีนิพนธ์
กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ได้กล่าวไว้ว่ากวีนิพนธ์นั้น เป็นการย่อยกรองถ้อยคำ เรียงถ้อยคำตามระเบียบข้อบังคับซึ่งได้แก่มาตราฉันทลักษณะ
นั่นคือร้อยกรองทั่วไป กวีนิพนธ์โดยแท้จะต้องแสดงความรู้สึกนึกคิดที่เป็นภาพอันงามด้วยกวีนิพนธ์เป็นสิ่งวอนใจเรารู้สึกนึกคิด
ทำให้เราสมใจในรสของภาษาและเห็นภาพความคิดต่าง
ๆ กระจ่างขึ้นกวีนิพนธ์เป็นลักษณะยอดเยี่ยมของวรรณคดีคำร้อยกรองนั้นเป็นเพียงเครื่องประดับประกอบของกวีนิพนธ์เท่านั้นเพราะฉะนั้นตามความหมายอันนี้
ก็จะได้ว่าร้อยกรองคือคำประพันธ์ทั่ว ๆ ไป
ที่มีฉันทลักษณ์ แต่ถ้ากวีนิพนธ์จะต้องเป็นร้อยกรองที่มีลักษณะยอดเยี่ยม
ร้อยกรองสมัยสุโขทัย
|
การปรากฏของร้อยกรองสมัยสุโขทัย
การปรากฏข้อความในศิลาจารึกหลักที่ ๑ กล่าวถึงการละเล่นในสมัยนั้นว่า
การปรากฏข้อความในศิลาจารึกหลักที่ ๑ กล่าวถึงการละเล่นในสมัยนั้นว่า
” …เสียงพาทย์
เสียงพิณ เสียงเลื่อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว
ใครจักมักเลื่อน เลื่อน..” ในสมัยสุโขทัยนี้มีการขับอยู่แล้วและถ้อยคำที่นำมาขับนั้นย่อม
มีรูปแบบเฉพาะ หรือไม่มีรูปแบบ แต่อาศัยจังหวะการเอื้อนทอดเสียงให้ไพเราะ มีสัมผัสคล้องจองกันตามแบบฉบับร้อยกรองไทย
ซึ่งก่อนหน้านั้นมีเพลงพื้นบ้าน ทำนอง ต่างๆเกิดขึ้นมาก่อนก็ได้
แสดงว่าร้อยกรองของไทยเกิดขึ้นแล้วก่อนสมัยสุโขทัย
รูปแบบ
จะมีรูปแบบคำประพันธ์ที่ไม่ชัดเชน แต่จะมีบางวรรคที่ร้อยสัมผัสใน ลักษณะร้อยกรอง เช่น …เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว… หรือออกมา ในรูปของการเล่นคำซ้ำ เช่น …เบื้องตะวันออกเมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มีปู่ครู มีทะเลหลวง มีป่าหมากป่าพลู มีไร่มีนา… เพราะฉะนั้นจึงน่าจะสรุปได้ว่าร้อยกรอง ที่ปรากฏในสมัยโบราณและสมัยสุโขทัยนั้นยังไม่มีรูปแบบที่แน่นอน แต่ก็ถือได้ว่า มีคำร้อยกรองของไทยเกิดขึ้น และถ่ายทอดกันในรูปแบบของเพลงพื้นบ้าน
รูปแบบ
จะมีรูปแบบคำประพันธ์ที่ไม่ชัดเชน แต่จะมีบางวรรคที่ร้อยสัมผัสใน ลักษณะร้อยกรอง เช่น …เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว… หรือออกมา ในรูปของการเล่นคำซ้ำ เช่น …เบื้องตะวันออกเมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มีปู่ครู มีทะเลหลวง มีป่าหมากป่าพลู มีไร่มีนา… เพราะฉะนั้นจึงน่าจะสรุปได้ว่าร้อยกรอง ที่ปรากฏในสมัยโบราณและสมัยสุโขทัยนั้นยังไม่มีรูปแบบที่แน่นอน แต่ก็ถือได้ว่า มีคำร้อยกรองของไทยเกิดขึ้น และถ่ายทอดกันในรูปแบบของเพลงพื้นบ้าน
ร้อยกรองสมัยกรุงศรีอยุธยา
|
การปรากฏของร้อยกรองสมัยกรุงศรีอยุธยา
ร้อยกรองสมัยนี้จะปรากฏในวรรณคดีเป็นส่วนมาก แต่สูญไปบ้าง ในระหว่าง สงครามก็ได้ ซึ่งยังพอมีหลักฐานในการร้อยกรองในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็น
๒
ระยะ ได้แก่
สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น(พ.ศ.๑๘๙๓ – ๒๑๗๑) ปรากฏร้อยกรอง ดังนี้
สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น(พ.ศ.๑๘๙๓ – ๒๑๗๑) ปรากฏร้อยกรอง ดังนี้
ลิลิต คือ บทร้อยกรองที่ใช้โคลงและร่ายแต่งปะปนกัน
เช่น ลิลิตโองการแช่งน้ำ ลิลิตยวนพ่าย
โคลง นิยมแต่งเป็นโคลงดั้น เช่น ลิลิตยวนพ่าย
มหาชาติคำหลวง ส่วนโคลงสุภาพมีในมหาชาติคำหลวงและลิลิตพระลอ
ฉันท์ ปะปนในมหาชาติคำหลวงหลายบท
กาพย์ เช่นเดียวกับฉันท์
สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย(พ.ศ.๒๑๗๑ – ๒๓๑๐) ปรากฏร้อยกรองทุกประเภท ดังนี้
โคลง นิยมมากในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น
โคลงพาลีสอนน้อง โคลงทศรถสอนพระราม กาพย์ห่อโคลงของพระศรีมโหสถ
ฉันท์ ใช้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ได้แก่ สมุทรโฆษคำฉันท์ อนิรุทธ์คำฉันท์ คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง เป็นต้น
กาพย์ นอกจากนิยมแต่งกับฉันท์แล้ว
ยังนิยมแต่งเป็นกาพย์ห่อโคลง กาพย์เห่เรือ ซึ่งเป็นลักษณะของการแต่งโคลงปนกาพย์ ปรากฏในกาพย์ห่อโคลงเรื่องต่างๆ
กาพย์ห่อโคลงประพาสทองแดง กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร เป็นต้น
กลอน ปรากฏในรูปของกลอนเพลงยาวต่างๆ เช่น เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา
รัตนโกสินทร์ตอนต้น
|
การปรากฏของร้อยกรอง
ในสมัยนี้ร้อยกรองไทยมีปรากฏในวรรณคดีต่างๆ
เช่นเดียวกับสมัยกรุงศรีอยุธยาแยกประเภทได้ ดังนี้
โคลง มีแทรกอยู่ในลิลิตต่าง ๆ เช่นลิลิตเพชรมงกุฎ ลิลิตตะเลงพ่าย หรือลักษณะที่เป็นโคลงล้วน เช่น โคลงนิราศนรินทร์
นิราศสุพรรณ และโคลงโลกนิติ เป็นต้น
ฉันท์ เช่น อิเหนาคำฉันท์
กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ สมุทรโฆษคำฉันท์ตอนปลาย และมีตำราการแต่งฉันท์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
กาพย์
มีปรากฏแทรกอยู่ในคำฉันท์สมัยกรุงธนบุรีบ้าง ส่วนสมัยรัตนโกสินทร์ ก็มีกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน
กาพย์พระไชยสุริยา เป็นต้น
กลอน
ได้รับความนิยมสูงสุดมีทั้งที่แต่งเป็นนิทานคำกลอนและบทละคร เช่น รามเกียรติ์พระเจ้ากรุงธนบุรี
รามเกียรติ์รัชกาลที่ ๑ บทละครเรื่องอิเหนา
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี กลอนนิราศต่างๆ
ร่ายและลิลิต
เช่น ลิลิตเพชรมงกุฎ ลิลิตตะเลงพ่าย
กลบท
ปรากฏมากในประชุมจารึกวัดพระเชตุพน และปรากฏเป็นบางส่วน ในกาพย์พระไชยสุริยา
รูปแบบ
จะเป็นไปตามบทบัญญัติและลักษณะบังคับโดยเคร่งครัดทุกชนิด เช่น
จะเป็นไปตามบทบัญญัติและลักษณะบังคับโดยเคร่งครัดทุกชนิด เช่น
โคลง
ถือตามแบบฉบับของลิลิตพระลอว่าเป็นแบบที่ถูกต้อง โดยมีการอนุโลม ให้ใช้คำตาย
คำเอกโทษและโทโทษได้
ฉันท์ มีการแต่งตำราฉันท์มาตราพฤติและวรรพฤติของกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสโดยคำฉันท์แต่ละชนิดได้กำหนดคณะให้เป็นรูปแบบได้
กาพย์ มีการพลิกแพลงหรือดัดแปลงให้เป็นกาพย์กลอนที่มีลีลาที่แพรวพราวไปบ้าง
เพิ่มสัมผัสระหว่างวรรคมากขึ้น
กลอน รูปแบบของกลอนสุนทรภู่ที่มีรูปแบบสวยงามและมีลีลาไพเราะที่สุด
ร่ายและลิลิต เจ้าพระยาพระคลัง(หน)
ได้กำหนดรูปแบบของลิลิตขึ้นใหม่ ในลิลิตพระมงกุฎ ซึ่งก็ยึดถือตามกันมา
กลบทและคำประพันธ์รูปแบบใหม่ ได้มีการคิดรูปแบบกลบท และคำประพันธ์รูปแบบใหม่ขึ้นหลายชิ้น มีการฟื้นฟูเพลงพื้นบ้าน
และการละเล่นต่างๆมากมาย
คำสร้อย คือ
คำที่เติมท้ายวรรคเพื่อเอื้อนเสียงให้ไพเราะ เพิ่มความสมบูรณ์ ของข้อความ
ใช้ในโคลงและร่าย ได้แก่คำว่า พี่เอย สูงเอย นาพ่อ น้องนอ หนึ่งรา ก็ดี ฤๅแม่
ฤๅพ่อ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น